@dplantour
กิฟุ (Gifu) จังหวัดในภาคกลางหรือภูมิภาคจูบุของญี่ปุ่น มีพื้นที่ส่วนใหญ่กว่า 80% เป็นป่า ภูเขา และแม่น้ำ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ และมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม เที่ยวกิฟุ ชมหมู่บ้านมรดกโลกกลางหุบเขา อิ่มเอมบรรยากาศ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตแห่งฮิดะ ลิ้มรสเนื้อแสนอร่อยกับเมนูที่จะทำให้คุณฟิน วัฒนธรรมอันมีชีวิตชีวา เดินเล่นชมเมืองโบราณ ตลาดนัดติดแม่น้ำ กิฟุเป็นจังหวัดห่างจากชายฝั่งและตั้งอยู่เกือบใจกลางของญี่ปุ่น จึงเดินทางได้สะดวกโดยรถไฟรวมถึงรถไฟชินคันเซ็นและรถไฮเวย์บัสจากเมืองหลักอย่างโตเกียว เกียวโต และโอซาก้า สามารถนั่งรถไฟด่วนพิเศษเมนเท็ตสึแต่ละสายจากสนามบินนานาชาติจูบุมาถึงเมืองกิฟุได้ภายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่กลางเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในเมืองเก่าแนวเรโทรที่โด่งดังที่สุดในบรรดาเมืองเก่าของญี่ปุ่น
เป็นหมู่บ้านโบราณในจังหวัดกิฟุที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ชิราคาวาโกะยังคงลักษณะของหมู่บ้านโบราณทั้งในแง่ของตัวบ้านและการใช้ชีวิตของผู้คนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดเขาคินคะ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 329 เมตร ได้มีการบูรณะซ่อมแซ่มขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1956 ให้เป็นปราสาทหลังสีขาวอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ด้านในได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงอาวุธและเครื่องเกราะในสมัยก่อนให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาประวัติศาสตร์กัน
ด้วยความสูงราว 32 เมตร กว้าง 4 เมตร เราจะได้เห็นสายน้ำสีขาวไหลเป็นเส้นตรงจากหน้าผาที่รายล้อมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ เป็นภาพที่ให้อารมณ์สุนทรีย์และเงียบสงบมากๆ เลยทีเดียว
เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี และได้ชื่อว่าเป็นออนเซ็นที่ดีที่สุดของจังหวัดกิฟุ เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีแร่ธาตุสูง มีสรรพคุณในการรักษาอาการปวดเมื่อย รักษาโรค และบำรุงผิวพรรณ แถมยังมีออนเซ็นสาธารณะถึง 3 แห่ง
จริงๆ แล้วสระแห่งนี้ไม่มีชื่อ เพียงแต่เป็นสระน้ำในเขตของ ศาลเจ้าเนะมิจิ ที่มีความใสสะอาด จนสามารถเห็นปลาคาร์ปหลากสีแหวกว่ายได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมี สวนดอกไม้อิทาโดริ ตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย เป็นสวนที่สวยงามและร่มรื่นมากๆ เลยทีเดียว
สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เป็น 1 ใน 5 เส้นทางสายนาคาเซนโดะ หรือเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อระหว่างโตเกียวกับเกียวโตในสมัยเอโดะ บนทางเดินลาดชันระยะทางราว 600 เมตร ของมาโกะเมะจูกุ จะปูด้วยหินเรียงราย ท่ามกลางบรรยากาศบ้านโบราณเก่าแก่สองฟากฝั่งที่มีหน้าต่างระแนงอันเป็นเอกลักษณ์ มีส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านน้ำชา และร้านขายของที่ระลึก
เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสไปกับธรรมชาติ 4 ฤดู ภายในมีหมู่บ้านจำลองแบบกัสโชกว่า 30 หลังที่ย้ายมาจากพื้นที่ต่างๆในกิฟุ มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ซึ่งแสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่และศิลปะพื้นบ้านของญี่ปุ่น
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ การจับปลาด้วยนกกาน้ำ หรือ “อุไก” ที่สืบทอดต่อกันมากว่า 1,300 ปี โดยจะมีสื่อต่างๆสำหรับนำเสนอประวัติความเป็นมาของการจับปลาด้วยนกกาน้ำ การเลี้ยงนก พิธีกรรมก่อนการจับปลา และมีหุ่นปั้นแสดงการจับปลาด้วย
พอเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ จะเป็นช่วงเวลาที่ดอกซากุระจะบานสะพรั่งไปทั่วทั้ง เมืองโอกะคิ เหมาะสุดๆ กับการไปนั่งเรือชมดอกซากุระ ที่คลองซุอิมง-กาวะ คลองใสสะอาดที่ตัดกับสีชมพูของดอกซากุระได้เป็นอย่างดี